มอบหมาย “กองปราบห้าม” รีบติดตามเพศผู้จ้าง “ฟ้าวันใหม่ฯ” ล้มมวยแล้ว

มอบหมาย “กองสั่งการล้มล้าง” รีบติดตามตัว “อุดม จารย์ลี” บุคคลที่จ้าง ล้มมวยด้วยจำนวนเงินสูงถึงครึ่งล้านบาท นายอุดม จารย์ลี บุคคลที่ว่าจ้าง ฟ้าวันใหม่ ช.ไทยเศรษฐ์ ล้มมวยด้วยจำนวนเงิน 500,000 บาท

เพื่อแกล้งยอมน็อก หลานย่าโม ว.วัฒนะ ในยกที่ 4 ภายใต้การจัดของเพชรยินดี โปรโมชั่น ในศึก “ทรูโฟร์ยู มวยมันวันศุกร์” ที่จังหวัดบุรีรัมย์ ก่อนหน้านี้ที่ผ่านมา เพื่อแลกเปลี่ยนกับเงิน 500,000 บาท ตัวแม่มาเอง

จากสถานะการณ์ดังที่ได้กล่าวมาแล้วข้างต้นนำไปสู่กระแสวิจารณ์เป็นวงกว้าง แล้วก็เรียกว่าเป็นการสั่นแวดวงมวยไทยอย่างยิ่ง ซึ่งนายจ้างมีความผิดและก็จำเป็นต้องได้รับโทษตาม พระราชบัญญัติกีฬาชกมวย พุทธศักราช 2542

มอบหมาย

ปัจจุบัน กองปราบปราม ได้รีบติดตามตัว นายอุดม จารย์ลี ผู้จ้างวาน ฟ้าวันใหหม่ ช.ไทยเศรษฐ์ เป็นที่เป็นระเบียบแล้ว เพื่อนำตัวมาดำเนินคดีโดยชอบด้วยกฎหมายนั่นเอง “อำนาจ” เล่าย้อนวินาทีทราบ “ฟ้าวันใหม่ฯ” ล้มมวย ฝากปัญหาถึงคนจ้าง “อำนาจ คึกคัก” ออกมาเล่าย้อนวินาทีข้างหลังทราบดีว่า “ฟ้าวันใหม่ ช.ไทยเศรษฐ์” ล้มมวย พร้อมฝากปริศนาไปยังผู้ที่ว่าจ้างให้ล้มมวยคราวนี้ว่าจะไปดึงน้องให้กลับมาเสื่อมถอยเพราะเหตุใด

การเปลี่ยนแปลงภายหลังที่ “ต่อ” นักมวยไทยอายุ 19 ปี ที่ถูกทาง “อาเสี่ยโบ๊ท” ณัฐเดช วชิรรัตนวงศ์ โปรโมเตอร์มวยรวมทั้งหัวหน้า คาดคั้นจนกระทั่งรับสารภาพว่ารับสินบนจากเซียนมวยให้ล้มมวยจากการต่อยกับ หลานย่าโม ม.วัฒนะ

โดยให้แพ้น็อกในยกที่ 4 ภายใต้การจัดของเพชรยินดี โปรโมชั่น ในศึก “ทรูโฟร์ยู มวยสนุกวันศุกร์” ที่จังหวัดบุรีรัมย์ เพื่อแลกเปลี่ยนกับเงิน 500,000 บาท ปัจจุบัน อำนาจ ครึกครื้น อดีตกาลแชมป์โลกของสมาพันธ์มวยนานาประเทศ ในรุ่นฟลายเวท ที่ปฏิบัติหน้าที่เป็นคุณครูมวยซ้อมให้

ออกมากล่าวผ่านรายการโหนกระแสว่า “ตกอกตกใจครับผม โบ๊ทบอกว่า เขาล้มมวย ผมก็ยังช็อกอยู่ เพราะเหตุว่าเขาเป็นนักมวยที่เก่งมากมายนะ หากถามผมว่าผมรู้จักเพราะว่าเป็นหัวหน้าค่ายเกียรติพานทอง มั้ย?

ในความเป็นจริงแล้ว ค่ายฝึกซ้อมมวยนี้ มีนักมวยเขาเก่ง รุ่นๆเดียวกับผม ตอนนั้นมีการเอาผู้ตัดสินไปสาบานกับรัชกาล 5 มอบหมาย บนเวทีก่อน ขึ้นไปที่ศาล ก็สาบานหัวข้อการล้มมวย มวยไทย7สี

มีนักมวย 6-7 คน แต่ว่าไม่เอ่ยชื่อ ขึ้นไปพร้อมหมดเลย

มีขันที่มีไว้ใส่น้ำที่ท่านทำไว้ ให้เรารับประทานแล้วก็สาบานดังที่ตกลงกันไว้ หากคนใดไม่ถูกคำมั่นสัญญาเกี่ยวกับล้มมวยจะไม่ประสบความสำเร็จ ต่อจากนั้นผมหยุดการต่อยมวยไปพักนึง แล้วรู้ข่าวอีกครั้ง ปลาฉลามขาว ล้มมวย เพียงพอเขาล้มมวยก็เกิดเหตุการณ์รถชนจนกระทั่งทุพพลภาพ”

มอบหมาย

“จริงๆข้างหลังตอนต่อยเสร็จวันนั้น จิตใจผมต้องการไปดูหน้าเขาที่คอกควายของเขา ผมได้ไปกับน้องๆสองสามคน ต้องการมองว่าเพราะอะไรมาว่าจ้างน้องคนนี้ล้มเพื่ออะไร จะถามเขา เนื่องจากคนแก่เปิดโอกาสเขาแล้ว คุณไปดึงน้องลงมาเพื่ออะไร เขาเลี้ยงควายอยู่จังหวัดนครนายก”

“หากถามคำถามว่า คนล้มมวยจำนวนมากจะโดนอะไร? มันอาจจะไม่มานั่งคุยแบบงี้หรอก นี่เป็นความโชคดีแล้ว โดยมากนักมวยจะเหลวหมด อีกอย่างค่ายนี้ท่านทำมา 7-8 ปี ไม่เคยมีสถานะการณ์นี้เกิดขึ้น

ทุกคนเปิดโอกาสน้องตลอด ผู้ใหญ่มอบโอกาสเขามาตลอด แม้กระนั้นไม่คาดคิดว่าคนๆนี้จะทำด้านในไม่กี่นาที ทำพังทลายหมดเลย”

การล้มมวย บางทีอาจหนีข้อบังคับได้ แม้กระนั้นหนีกฎแห่งกรรมมิได้ ผู้สื่อข่าวมวยดัง เล่า ฟ้าวันนใหม่ ช.ไททยเศรษฐ์

ไม่ใช่หนแรก ที่มีข่าวสารล้มมวย พร้อมแฉล้มมวยมานับไม่ถ้วน ย่ำหนีข้อบังคับได้ แต่ว่าหนีกฎแห่งกรรมมิได้ หลังจากที่ “อาเสี่ยโบ๊ท” ณัฐเดช วชิรรัตนวงศ์ โปรโมเตอร์โด่งดังที่ “เพชรยินดี อคาเดมี”

ออกมาเผยถึงความก้าวหน้ากระแสข่าวเรื่องคนว่าจ้าง ล้มมวยด้วยการยอมแพ้น็อกยกไปในยกที่ 4 ให้กับ หลานย่าโม ว.วัฒนะ สำหรับในการชิงชัยมวยไทยรายการ “ทรูโฟร์ยู มวยสนุกวันศุกร์” ที่จังหวัดบุรีรัมย์ เพื่อแลกเปลี่ยนกับเงิน 500,000 บาท ผ่านรายการโหนกระแส

หลังจากรายการโหนกระแสถ่ายทอดไปได้ไม่นาน ทางด้านของ “มิสเตอร์ป๋อง” พิจารณา พลขัน นักจัดรายการมวยมีชื่อได้ออกมาโพสต์เนื้อความให้ความเห็นถึงเรื่องราวในรายการโหนกระแส ซึ่งทาง มิสเตอร์ป๋อง ได้ออกมาเผยออกมาว่า ทั้งชีวิตการชกมวยของ “ฟ้าวันนใหม่ ช.ไททยเศรษฐ์” มีความกล้าหาญด้านลบมากไม่น้อยเลยทีเดียว โดยผู้สื่อข่าวมวยดังรายนี้กล่าวมาว่า

“ต้องโทษโทษโดยชอบด้วยกฎหมาย บางทีอาจสามารถบ่มนิสัยอุปนิสัยคนให้รู้จักไม่ถูกถูกใจเลวทรามดีเยี่ยมเพิ่มขึ้น? ล้มมวยตั้งแต่อายุ 13 ปี ล้มมวยมา 4 ครั้ง เบี้ยวอีกนับไม่ถ้วน” https://www.fudoshinkan.org

“ชีวิตที่เหลือ “ฟ้าวันนใหม่” บางทีอาจตรากตรำหน่อย ทดแทนความสบายก่อนหน้านี้ที่ผ่านมา เรื่องราวจาก “โหนกระแส” พวกเราก็เลยได้รู้เหตุว่า ถึงแม้บางเรื่องข้อบังคับทำอะไรมิได้ แม้กระนั้นในที่สุดหนี “กฎแห่งกรรม” ไม่พ้น #ผมมิได้ล้มมวยครับผมอาเสี่ย”.