ฟังจากปาก “ยอดมวยเมืองสกล” น้องโอ๋ ไก่ย่างห้าดาว ผู้ครอบครองแชมป์โลก ONE มวยไทยไร้พ่าย วัย 34 ปี ผู้ครองบัลลังก์รุ่นแบนตัมเวตมาอย่างช้านานถึง 5 ยุค

ฟังจากปาก เปลี่ยนเป็นแชมป์อมตะที่ฆ่าไม่ตาย โดยข้างหลังปรากฏหน้าตาแชมป์โลกคนใหม่ ในข้อตกลงคิกบ็อกซิ่ง รุ่นเดียวกันอย่าง “ เพชรยินดีอะคาเดมี” ซึ่งออกปากให้สัมภาษณ์ข้างหลังต่อยว่าจะหันกลับมาสู่ทางมวยไทย นั่นถือได้ว่าอนาคตอาจมีช่องทางเขย่าบัลลังก์ของนักต่อยเจ้าตำนานผู้นี้

ฟังจากปาก

ในฐานะเจ้าตำนานรุ่นพี่ลูกหม้อเดียวกันจากค่ายเพชรยินดีอะคาเดมี แม้ว่าจะต่างวาระเวลา แต่ว่า ก็ไม่พลาดที่จะดูศึกสำคัญที่เขาเคยหมายมั่นต้องการดึงสายรัดเอวคิกบ็อกซิ่งเส้นนี้มาถือครองก่อนหน้าที่ผ่านมา มวยไทย7สี

“หรือชื่อเก่า ดีเซลเล็ก มีชื่อเสียงกันดีอยู่แล้วในบ้านพวกเรา ตั้งแต่ที่ผมยังชกมวยอยู่ที่ลุมพินีครับผม เขาเป็นมวยบู๊สไตล์ดุเดือดมานานมาแล้ว ออกอาวุธได้ตลอด มีลูกจุกจิก แล้วก็ครบถ้วนบริบูรณ์”

“ไฟต์นี้เขาทำเป็นดีมาก วางแผนมาดี ผู้ฝึกสอนแล้วก็หัวหน้าค่ายเก่งมากมาย มีลูกเตะได้ดีมากมาย ผมสรรเสริญเลย รู้จักสร้างจังหวะ และก็โฟกัสให้โดนที่แข้งเน้นๆผมเองก็เคยโดนลูกแบบงี้จาก รถยนต์เหล็ก หวดเข้ามาที่หน้าขา เจ็บจริงขอรับ กำลังขานี่หายไปเลย หากโดนแขนมีชาแน่ๆ”

จริงๆแล้ว เคยถูกวางตัวขึ้นชิงเข็มขัดแชมป์โลกจาก อลาเวอร์ดี เมื่อมี.ค. 2563 แต่ว่าพอดีมีโควิด-19 ระบาดทั้งโลกทำให้ศึกนี้ควรเป็นหมัน กลายเป็น กัปปิตัน ที่คว้าฟาสต์แทร็กในช่วงปลายปีและก็ได้ขึ้นชิงเข็มขัดเส้นนี้

“ผมเองก็เคยศึกษาแชมป์เก่ารายนี้มาก่อน ตอนที่เกือบได้ชิงกับเขา แรงยังไม่ดีมีแผ่วปลาย แต่ก่อนต่อยผมยังคิดว่าคู่นี้มีโอกาสชนะ 50/50 ครับ แต่ว่าพอเพียงผ่านยกแรกไปแล้ว มองชนะได้ง่ายๆเลย เปลี่ยนเป็น อลาเวอร์ดี ที่ดูเหมือนจะมาแบบไม่สมบูรณ์ ก็เป็นได้ว่าเขาบางครั้งอาจจะร้างเวทีไปนานด้วยครับ”

“ช่วงปลายยกแรกก็มีเสียวเหมือนกัน โดนไปหลายหมัดจนกระทั่งหยุดชะงัก ดีที่ไม่ถึงกับร่วง เพราะเขาเลือกที่จะหยุดเดิน ถือได้ว่าเป็นการตกลงใจที่ดี ไม่อย่างนั้นก็มีสิทธิ์พลาดได้แบบเดียวกัน แต่ว่าเพียงพอชูสอง มีความรัดกุมมากยิ่งขึ้น ไม่เปิดหน้าแลกเปลี่ยน มีจังหวะเข้า-หลบ ผมเห็นว่าทรงนี้ ถึงแม้ว่าจะเป็นเกมยาว อลาเวอร์ดี ก็สู้ไม่ได้อยู่ดี” มนัสปลื้มติด

ฟังจากปาก อย่างไรก็ตามหลังจากที่ ขึ้นนั่งบัลลังก์แชมป์โลก ONE คิกบ็อกซิ่ง รุ่นแบนตัมเวต แล้วประกาศบนเวทีว่าอยากจะหันกลับมาชกมวยไทย แฟนคลับก็ตื่นตัวรีบตามติดคู่กับ ซึ่งครองบัลลังก์มวยไทยรุ่นนี้อยู่

ฟังจากปาก

แม้กระนั้นอย่างที่ทราบๆน้องโอ๋ แล้วก็ ต่างก็ได้ชื่อว่าเป็นนักต่อยลูกหม้อของค่ายเพชรยินดีอะคาเดมีเหมือนกัน แม้ว่าจะต่างวาระเวลา แม้กระนั้นก็ทำให้ “เสี่ยโบ๊ท” ณัฐเดช วชิรรัตนวงศ์ ประธานค่าย ถึงกับออกมาให้สัมภาษณ์ว่าอาจจะทำใจลำบากที่คู่นี้จะเจอะกัน

ทั้งยังเห็นว่า สามารถเลือกเดินทางสายคิกบ็อกซิ่งได้ เพราะเหตุว่ามีตัวต่อยใน อยู่มากมาย ไม่จำเป็นที่จะต้องมาทับทางกับนักต่อยรุ่นพี่ ต่างคนต่างกอบโกยความสำเร็จกันคนละทางจะดีมากกว่า

“ผมรู้เรื่องเสี่ยครับ แต่ว่าสำหรับผมเองอย่างไรก็ได้ ผมประพฤติตามหน้าที่อยู่แล้ว แต่ว่าสมมุติถ้าเกิดจำต้องพบกับ จริงๆสารภาพงานหินแน่ๆครับผม แต่ว่าเวลาผมต่อยกับใครกันแน่ก็ไม่เคยประมาทคู่แข่งขันครับผม อย่างไรก็จำต้องเตรียมพร้อมศึกษาเล่าเรียนคู่แข่งขันให้ดีๆก่อนอยู่แล้ว”

ฟังจากปาก “สำหรับ การต่อยกับเขา หลักผมจำต้องดี พบมวยดุเดือดเดินตลอด ผมควรมีลูกเล็กๆน้อยๆ ให้เขาปวดหัว ส่วนตัวผมจะเดินสู้ ด้วยไหมก็อยู่ที่จังหวะ หน้างานครับผม”

คนไทยผู้ที่ 8 จากชนิดกีฬาคิกบ็อกซิ่ง รุ่นแบนตัมเวต (61.3 – 65.8 กิโลกรัม) ข้างหลังปีนบันไดขึ้นไปสู่จุดสุดยอดได้เสร็จงาม ถัดจากนี้ก็จำเป็นต้องปฏิบัติภารกิจแชมป์โลกผู้คุ้มครองปกป้องบัลลังก์จากเหล่ายอดความสามารถ อีกเยอะแยะ จากทั่วทุกมุมโลก จุดหมายตาจะล้มเขาลงจาก บัลลังก์ให้ได้

ผู้ที่สองที่ขอ เอาออกไปเป็น “ไก่ย่างห้าดาว” แชมป์โลก ONE มวยไทย รุ่นเดียวกัน ซึ่งรั้งอยู่ในชั้น 1 ของแรงกิ้งคิกบ็อกซิ่งด้วย แม้กระนั้นด้วยเหตุว่าทั้งยัง รวมทั้ง เป็นนักมวย ลูกหม้อค่ายเพชรยินดีอะคาเดมีแบบเดียวกัน ทางประธานค่ายอย่าง “เสี่ยโบ๊ท” ณัฐอำนาจวาสนา วชิรรัตนวงศ์ ได้ออกมา เปิดใจแล้วว่า ทำใจลำบากหากจะให้นักมวยคู่นี้จะต้องมาเจอะกันเอง ก็เลยมีความ น่าจะเป็นว่า น้องโอ๋ จะหมดโอกาสขึ้นชิงเข็มขัดคิกบ็อกซิ่ง ไปโดยปริยายตราบเท่าที่ ยังครอบครองเข็มขัดเส้นนี้อยู่

ตัวเอกแดนซามูไร “ฮิโรกิ อากิโมโตะ” เขาเป็นแชมป์โลกคาราเต้สายเคียวลุกคุ้นชิน ที่ก้าวขึ้นสังเวียน และรักษาฟอร์มสดคว้าชัย 3 ใน 4 ไฟต์จากการแข่งขัน คิกบ็อกซิ่ง รุ่นฟลายเวต (56.8 – 61.2 กิโลกรัม) ก่อนจะเพิ่มน้ำหนักเพิ่มขึ้นไปสู่รุ่นแบนตัมเวตในไฟต์ปัจจุบัน ด้วยการเขี่ยนักชกจีน “จาง เฉิงหลง” ตกลงไปอยู่ชั้น 4 แล้วก็เข้าแทนที่ในชั้น 3

แม้จะว่ากันถึงความเป็นไปได้ ฮิโรกิ ดูจะสมควรแล้วก็คู่ควรที่สุดในการก้าวเข้าสู่ศึกชิงชนะเลิศโลกกับ แต่ว่าดังนี้ก็ ต้องมองเหตุ ห้อมล้อมอื่นๆด้วย ไหนจะวิกฤติโควิด-19 ที่ยังคงไม่เลือนราง รวมทั้งความพร้อมเพรียงของทั้งสองในตอนนั้นๆอีกด้วย

นักชกแดนมังกร “จาง เฉิงหลง” ผู้ผลิตผลงานชนะตลอด 3 ไฟต์ในข้อตกลงคิกบ็อกซิ่ง ก่อนที่จะได้ช่องขึ้น ชิงเข็มขัดแชมป์โลกเส้นนี้กับ อลาเวอร์ดี เมื่อท้ายปี 2562 กลับจะต้องลง จากเวทีอย่างอกหัก หนำซ้ำความแพ้พ่ายยังตามมาหลอกอีกรอบด้วยมือของ “ฮิโรกิ อากิโมโตะ” เมื่อตุลาคมที่ผ่านมา ทำให้เขาซึ่งเคยรั้ง อยู่ในชั้น 3 ของแรงกิ้ง หล่นลงมาอยู่ชั้น 4 ในขณะนี้

การพบกับ ยืนยันว่าเป็น งานยากของ จาง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในตอนที่เขาเพิ่งจะปราชัยสองไฟต์ต่อเนื่องกัน แม้กระนั้นถ้ามองดูสลับกัน กัปปิตัน คงจะไม่มีปัญหา ด้วยเหตุว่าเจ้าตัว กำลังเครื่องแรง พร้อมพบ กับผู้ใดก็ได้อยู่แล้ว

คนท้ายที่สุด เป็นนักต่อยไทยสายเลือด เดียวกัน “เพชรทนง เพชรเฟอร์กัส” ที่เปิดตัวพร้อมทั้ง เมื่อกันยายน 2563 แม้กระนั้นถูกดับฝันด้วยเวลาเพียง 6 วินาที ทำให้เจ้าตัวสุด แสนจะเสียดาย ที่ยังไม่ทันได้โชว์ของ แล้วก็อัดอั้น อยากจะล้างตากับ กัปปิตัน

ทั้งดูเหมือนแฟนๆคนไทย จะเชียร์ให้ เพชรทนง ได้ดวลกับ สูงที่สุดในบรรดาผู้ท้าแข่งทุกคน ด้วยเหตุว่าถ้าเกิด เพชรทนง อยู่บนเวทีได้นานกว่าหนแรก มันก็น่าดึงดูด ว่าเจ้าของเข็มขัดแชมป์ 16 เส้น จะสามารถรับมือกับ ความดุดันของ ได้หรือไม่?