นักชกที่โด่งดัง ตอนแรกที่ผมเล่นเป็นสตันท์ มีคราวหนึ่งผมเผลอออกอาวุธแรง พี่เขาก็บอกว่า ‘เฮ้ย สตันท์มันไม่ได้เล่นอย่างนี้นะ 

นักชกที่โด่งดัง ตอนแรกที่ผมเล่นเป็นสตันท์ มีคราวหนึ่งผมเผลอออกอาวุธแรง พี่เขาก็บอกว่า ‘เฮ้ย สตันท์มันไม่ได้เล่นอย่างนี้นะ หากเล่นแล้วเจ็บตัว สำหรับสตันท์นับว่าขาดทุน’ เพราะเหตุว่าสตันท์ไม่ใช่นักมวย นักมวยไม่ต้องต่อยบนเวทีแต่ละวัน แม้กระนั้นสตันท์จำต้องรับงานวันแล้ววันเล่า จะมาต่อยจริงเจ็บจริงไม่ได้

สตันท์แมน”เป็นอาชีพที่ไม่เกี่ยวข้องกับแวดวงกีฬา แต่ว่าคลุกคลีกับการต่อสู้เยอะที่สุด หน้าที่ของพวกเขา เป็นการเสี่ยงเป็นเสี่ยงตาย เพื่อฉากแอ็คชั่น แทนนักแสดงจริง ในละคร-ภาพยนตร์ ผู้คนจำนวนไม่ใช้น้อยบางทีอาจสงสัยว่า สตันท์แมน ที่เตะต่อยบนจอโทรทัศน์ให้มองเห็นเกือบจะทุกวี่ทุกวันนั้น ต้องเก่งศิลปะการต่อสู้หรือเปล่า ? แล้วหากนักสู้ที่ช่ำชองศิลป์ป้องกันภัยหลายกิ่งก้านสาขา เลือกเบนสายสู่อาชีพสตันท์แมน เขาจะเป็นสตันท์แมนที่เก่งกว่าผู้อื่นหรือไม่ ?

ปราชญ์ บัวภา เป็นหนึ่งในผู้ที่ทำอาชีพสตันท์ แม้กระนั้นบางทีอาจเป็นผู้เดียวสถานที่ทำงาน “สตันท์แมน” พร้อมกันกับ “นักสู้ เอ็มเอ็มเอ” ซึ่งนับว่าเป็นสองหน้าที่ที่แตกต่างอย่างสิ้นเชิง เมื่อสตันท์แมน “ห้าม” ต่อยจริง เจ็บจริง แม้กระนั้นหน้าที่นักสู้บนสังเวียนจะต้องต่อสู้ด้วย เลือด, เหงื่อ แล้วก็น้ำตา ชายผู้นี้บาลานซ์ศาสตร์การต่อสู้ที่เล่าเรียนมา ให้กับชีวิตทั้งคู่ด้านของเขาได้เช่นไร ?

ความฝันจากโอลิมปิก ผมถูกใจดูมวยสากลมาตั้งแต่เด็ก โดยยิ่งไปกว่านั้นกีฬาโอลิมปิก ขณะนั้นเป็นช่วงๆที่ สมรักษ์ คำสิงห์ ได้เหรียญทอง ผมดูแล้วคิดว่ามันบันเทิงใจดี อีกอย่างสมัยนั้น คนรอบกายทุกคนเขาก็มองมวยสากลกันหมด ย้อนกลับไปในมหกรรมกีฬาโอลิมปิก 1996 คนประเทศไทยทั่วทั้งประเทศได้สัมผัสบรรยากาศที่ความสุข แบบที่ไม่รู้สึกจากประสบการณ์ไหน เมื่อ สมรักษ์ คำสิงห์ นักกีฬามวยสากลสมัครเล่นกลุ่มชาติไทย สามารถสร้างประวัติศาสตร์เป็นวีรบุรุษเหรียญทองคนแรกของประเทศ

ธงชาติไทยที่เด่นเป็นสง่า พร้อมทั้งเสียงดนตรีชาติที่ดังลั่นเวทีการประลอง ภาพความซาบซึ้งพวกนี้ถูกถ่ายทอดสู่สายตาคนประเทศไทยผ่านหน้าจอของโทรศัพท์ คนทุกเพศวัย ไม่ว่าจะเป็น เด็กผู้ชาย, เด็กผู้หญิง หรือ คนแก่ ต่างเป็นผู้เห็นเหตุการณ์สำคัญ แล้วก็ร่วมกระจ่างวินาทีประวัติศาสตร์พร้อมทั่วตลอดชาติ ปราชญ์เด็กผู้ชายจากจังหวัดร้อยเอ็ด ตกหลุมรักกีฬาชกมวยสากลตั้งแต่แมื่อนั้น เขานับวันเวลาให้บรรจบครบ 4 ปี เพื่อจะกลับมานั่งจอทีวี เพื่อส่งเสียเชียร์เพื่อเป็นการให้กำลังใจนักต่อยกลุ่มชาติไทยให้ไปถึงเป้าหมาย ในมหกรรมกีฬาที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก

วีรบุรุษนักชกเหรียญทองโอลิมปิก อีกทั้ง สมรักษ์ คำสิงห์, วิจารณ์ พลฤทธิ์, มนัส บุญจำนงค์ แล้วก็ สมจิตร จงจอหอ ต่างเป็นไอดอลในวัยเด็กของผู้รู้ ท้ายที่สุด เด็กผู้ชายที่เคยให้กำลังใจนักมวยจอทีวี ก็เลยเริ่มมีความรู้สึกว่า เพราะเหตุไรเขาไม่ทดลองฝึกฝนชกมวย แล้วก็เดินบนทางความฝันเดียวกันกับไอดอลของตนดูบ้าง ?

ผมเริ่มฝึกฝนชกมวยภายหลังจากพี่สมจิตรได้เหรียญทอง ในตอนนั้นผมอายุราวๆ 15-16 ปี” ปราชญ์ย้อนเล่าถึงก้าวแรกบนทางสายต่อสู้ ผมมีเป้าหมายว่าต้องการติดกลุ่มชาติไทย ต้องการทดลองไปแข่งขันกีฬาโอลิมปิกบ้างสักหนึ่งครั้ง เมื่อบวกกับที่ตัวผมเองถูกใจกีฬาต่อสู้ ก็เลยคิดจะต้องการทดลองต่อยมวย

มวยมันเป็นกีฬาที่เจ็บตัว และก็จะต้องใช้ความทรหดอดทน ตอนต้นผมมีความคิดว่า อาจมีคนต่อยมวยไม่มากหรอก แม้กระนั้นเพียงพอมาพบความเป็นจริงแปลงเป็นว่า นักมวยเยอะไปหมดเลย (หัวเราะ) ด้วยความตั้งอกตั้งใจที่แน่แน่ว ผู้รู้ก็เลยใช้เวลาว่างในตอนปิดภาคการศึกษา เดินทางมาอาศัยกับพี่น้องที่ย่านปทุมวัน

โดยกล่าวถึงว่าจะมาช่วยคุณป้าขายข้าวแกง แต่ว่าข้อเท็จจริงแล้ว ปราชญ์ตั้งมั่นจะมาฝึกฝนต่อยมวยที่สนามศุภชลาศัย ซึ่งมีแผนการ “ร้อนนี้มีกีฬาเพื่อลูกรัก” ของกรมพละเรียนรู้ กำลังเปิดรับสมัครเยาวชนที่พึงพอใจร่วมอยู่พอดิบพอดี ตอนปิดภาคการศึกษาผมไม่เคยรู้จะทำอะไร ผมเลยตกลงใจขึ้นมาช่วยป้าขายสินค้าที่จ.กรุงเทพฯ เพราะว่าป้าผมขายข้าวแกงรถเข็นอยู่แถวสยามตอนตอนเช้า ภายหลังขายสินค้าเสร็จ ผมก็จะมีเวลาว่างตลอดทั้งวันที่จะไปเรียนกีฬา

ผมลงสมัครไป 2 กีฬา คือ มวยไทย กับ มวยสากล ซึ่งมวยสากลมีคนสมัครอยู่เพียงแค่ไม่กี่คน แล้วพอเพียงถึงวันจริงก็ไม่มีผู้ใดมากัน สรุปเหลือเพียงผมกับคุณครูกันสองคน อาจารย์เขาก็สอนผมได้อย่างเต็มเปี่ยม ผมก็เลยเน้นย้ำไปทางมวยสากลมากยิ่งกว่า ปราชญ์นำความชำนาญมวยสากลที่ทำความเข้าใจมาในตอนม. ปลาย ใช้เป็นบัตรผ่านทางเพื่อศึกษาต่อที่แผนกบริหารร่างกาย มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ ในรั้วมหาลัยที่นี้

ปราชญ์ได้โอกาสในการศึกษาวิจัยแล้วก็ทำความเข้าใจศาสตร์การต่อสู้อื่น ไม่ว่าจะเป็น ยูโด, เทควันโด, คาราเต้, ยิวยิตสู แล้วก็ ปัญจักสีลัต ซึ่งนับว่าเป็นศิลป์ป้องกันตัวที่ต่างจากกีฬาชกมวยสากลอย่างสิ้นเชิง เรียนรู้หลายศาสตร์การต่อสู้ กีฬาต่อสู้มันไม่ใช่แค่มวยสากลสิ่งเดียว ผมบางครั้งก็อาจจะรุ่งกับกีฬาจำพวกอื่นก็ได้ ปราชญ์พูดถึงเหตุผลที่ตกลงใจทดลองเล่นกีฬาต่อสู้จำพวกใหม่

ตอนนั้นผมทดลองแข่งขันกีฬาต่อสู้ทุกกีฬา ก็แข่งขันหมดเลยขอรับ เทควันโด, ยูโด, ยิวยิตสู, คาราเต้ เพื่อจะได้รับรู้ว่าผมถนัดอะไร จนกระทั่งผมก็ได้คำตอบว่า ผมถนัดมวยสากลที่สุด เพราะว่าพวกเราต่อยมวยมาก่อน แต่ว่าการทดลองไปเล่นกีฬาอื่น มันทำให้ผมรู้เรื่องกระบวนการต่อสู้ที่ต่างกันของแต่ละกีฬา เนื่องจากบางกีฬาผมจะยังไม่ทันข้อตกลง สู้ไปอย่างไรก็แพ้

ได้แก่ คาราเต้ ที่จะต้องต่อยให้เซฟคู่แข่ง ผมก็เซฟไม่ได้ ด้วยเหตุว่าผมถูกฝึกหัดมาให้ทิ้งหัวไหล่ หรือ เทควันโด ผมก็เตะแบบมวยไทยไป แต้มมันก็ไม่ขึ้น แต่ว่าผมมิได้ซีเรียสหัวข้อนั้น เนื่องจากว่าผมมองดูมันเป็นความสนุกสนาน ที่ได้ทดลองฝึกฝนขั้นตอนการการออกอาวุธที่ต่างๆนาๆ

ความสนุกสนานร่าเริงแล้วก็ความท้าที่ได้ทดลองฝึกซ้อมกีฬาต่อสู้รูปแบบใหม่ ช่วยเปิดโลกทัศน์ของปราชญ์ และก็ทำให้เขาพร้อมจะเปิดรับจังหวะใหม่ที่จะเข้ามาในชีวิต นักปราชญ์ก็เลยตกลงใจเดินทางไปออดิชั่น เพื่อจะเข้ามาเป็นหนึ่งในกลุ่มนักแสดงของโชว์  การแสดงมวยไทยโบราณในแบบละครเวที

นักชกที่โด่งดัง ผมเคยเรียนมวยโบราณจากโครงงานของกรมพละ ส่วนยิมนาสติกผมก็มีความถนัดประจำตัวจากยุคเรียน ผมเห็นว่าผมคงจะเล่นได้ ก็เลยทดลองไปรับงานสตันท์แมน ตอนนี้ เงินที่ได้มามันออกจะดี การที่เด็กปี 2 อย่างผมตอนนั้น ได้จับเงินหลักหมื่นก็นับว่าเยอะแยะ ผมก็เลยรับงานสตันท์ไปด้วย เรียนไปด้วย และก็แข่งขันกีฬาไปด้วย มวยไทย7สี

นักชกที่โด่งดัง

ความฝันจากโอลิมปิก ผมถูกใจดูมวยสากลมาตั้งแต่เด็ก

นักชกที่โด่งดัง จากเด็กผู้ชายที่มีความต้องการเป็นนักกีฬามวยสากลสมัครเล่นกลุ่มชาติ ผู้รู้ บัวภา เผชิญจุดเปลี่ยนแปลงในชีวิต เขาหันมาทุ่มเทเวลาให้กับสายงานใหม่ ที่มอบหน้าที่การงาน และก็ช่วยทำให้เขายังคลุกคลีกับหมัดมวย ในหน้าที่ที่ไม่ได้ต่อสู้เพื่อเอาชนะ แม้กระนั้นต่อสู้เพื่อแสดงภาพที่สวยสดงดงามออกมาบนหน้ากล้องถ่ายรูป

หน้าที่ที่เรียกว่า … สตันท์แมน ศาสตร์ของสตันท์แมน มวยเวลาโดนมันจำเป็นต้องเก็บความรู้สึก แม้กระนั้นสตันท์เพียงพอโดนต่อย พวกเราจำเป็นต้องออกอาการให้มากยิ่งกว่าเดิมเป็น 100 เท่า มันแตกต่างนะ พูดได้ว่า ตรงกันข้ามกันเลย งานสตันท์จะย้ำลีลาที่ดูรุนแรง วาดหมัดกว้างๆแต่ว่าจำต้องไม่มีอันตราย เพียงพอหมัดกำลังจะถึงจุดมุ่งหมาย ปัง

คุณต้องหยุดให้ได้แล้วดึงหมัดกลับมา เพื่อเห็นภาพของการต่อสู้ แต่ว่าถ้าเกิดพวกเราเตะอัดเข้าไปสุดแรง คนเล่นร่วมกันก็จะเจ็บ พวกเราจำต้องเซฟตนเองให้เป็น ตอนแรกที่ผมเล่นเป็นสตันท์ มีคราวหนึ่งผมเผลอออกอาวุธแรง พี่เขาก็พูดว่า ‘เฮ้ย สตันท์มันไม่ได้เล่นแบบงี้นะ หากเล่นแล้วเจ็บตัว สำหรับสตันท์นับว่าขาดทุน’ เนื่องจากสตันท์ไม่ใช่นักมวย นักมวยไม่ต้องต่อยบนเวทีแต่ละวัน แต่ว่าสตันท์จำเป็นต้องรับงานทุกวี่วัน จะมาต่อยจริงเจ็บจริงไม่ได้

การบรรลุผลของดารามีชื่อเสียงที่มีความถนัดการต่อสู้ ยกตัวอย่างเช่น จา พนม (ทัชต่อยร ยีรัมย์) อาจก่อให้คนธรรมดาทั่วไปรู้เรื่องว่า ถ้าศิลปินหรือสตันท์แมนที่ปรากฎตัวอยู่ในหนัง มีวิชาการต่อสู้ประจำตัว ย่อมแปลว่าเขาคนนั้นเป็นสตันท์แมนที่ “เก่ง” กว่าคนอื่นๆ เรื่องจริงตรงกันข้ามจากที่หลายท่านรู้เรื่องปราชญ์ ที่มีความรู้

และมีความเข้าใจด้านกีฬาต่อสู้หลากหลายประเภท ตั้งแต่ มวยสากล จนกระทั่ง คนยิวยิตสู กลับจะต้องเริ่มนับหนึ่งใหม่เมื่อไปสู่งวงการสตันท์แมน ด้วยเหตุว่าทุกๆสิ่งทุกๆอย่างที่เคยทำความเข้าใจมาชั่วชีวิตกลับตารปัตร จากที่เคยออกหมัดเพื่อน็อคคู่ต่อสู้ ปราชญ์จำเป็นต้องศึกษาการควบคุมอาวุธ เพื่อออกหมัดอย่างสุดแรง แต่ว่าจำเป็นต้อง “ไม่โดนคู่ต่อสู้” รวมทั้งความถนัดอื่นที่จำเป็นต้องของสตันท์แมน ซึ่งเขาไม่เคยทำความเข้าใจมาก่อน

อย่างเช่น การตั้งการ์ดแบบเปิดหน้า เพื่อกล้องถ่ายรูปถ่ายภาพอย่างแจ่มแจ้ง หรือ จังหวะการเคลื่อนไหวที่เสมือนเข้ารับการเผชิญหน้า แม้กระนั้นความเป็นจริงแล้ว เป็นเพียงแต่การขยับร่างกาย (อาทิเช่น การสบัดหน้าเมื่อโดนต่อย) ไปตามท่าทีที่เข้ามา ในขณะที่มิได้ถูกสัมผัสจากฝ่ายตรงข้าม

ผมทำงานเป็นสตันท์แมน มันก็เช่นเดียวกับเป็นศิลปิน ผมจำต้องทำให้ผู้ชมมั่นใจว่าผมเป็นสิ่งนั้น ดังเช่น ผมแสดงเป็นตำรวจ ผมก็ควรมีความถนัดของการเป็นตำรวจ เมื่อผมจำต้องแสดงแอคชั่น ผมจำเป็นต้องต่อสู้ให้เหมือนตำรวจ การแสดงของสตันท์แมน มันไม่ใช่แค่ การเตะต่อย เพราะเหตุว่ามันเป็นการแสดงให้เหมือนจริงสูงที่สุด แต่ว่าเซฟสูงที่สุด และก็ออกมาสวย ดูมุมภาพออกมาแล้วคนรู้เรื่อง มันยากที่ตรงนี้ล่ะ ยากที่จะทำให้คนรู้เรื่องว่า สิ่งที่พวกเรากำลังแสดงอยู่ เป็นอย่างไร

ศาสตร์ของสตันท์แมน ก็เลยแปลงเป็นความท้าสูงสุดในชีวิตเขา มากกว่าศาสตร์การต่อสู้ไหน แม้กระนั้นใช่ว่าศาสตร์ทั้งคู่ด้านจะไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกัน นักปราชญ์บอกว่า ประสบการณ์ในหน้าที่สตันท์แมน นับว่าเป็นบทเรียนอันล้ำค่า เนื่องจากมันช่วยทำให้เขารู้เรื่องการเคลื่อนไหว รวมทั้งร่างกายของตนเองเยอะขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะ ยามก้าวขึ้นบนสังเวียนการต่อสู้

ผมต่อยมวยแล้วเซฟตนเองเป็น ด้วยเหตุว่าเริ่มเรียนสตันท์แมนนะ เนื่องจากก่อนหน้านั้น ผมเดินใส่ตลอด ต่อยจบทุกไฟต์ร่างกายจะเจ็บหนักมากมาย แม้กระนั้นภายหลังจากเรียนสตันท์ หรือรับงานเป็นสตันท์ ผมถึงเริ่มรู้สึกว่า พวกเราไม่จำเป็นที่จะต้องเจ็บตัวขนาดนั้น เมื่อผมเรียนการเคลื่อนไหวแบบสตันท์มา ผมทราบแล้วว่า เวลาเขาเตะมา พวกเรามีแนวทางก้าวหลบเพื่อลดแรงปะทะที่จะเข้ามา หรือโดนต่อยหน้า ผมเพียงแค่สบัดหน้าตาม มันลดการบาดเจ็บได้มาก แทนที่จะปะทะตรงๆ

โดยเหตุนี้ ศาสตร์สตันท์แมน กับ ศาสตร์มวย ผมมีความคิดว่ามันช่วยเสริมกันได้” ปราชญ์กล่าว แพสชั่นในชีวิตของผม ปัจจุบันนี้ ปราชญ์นับว่าเป็นผู้กำกับคิวบู๊ฝีมือยอดเยี่ยมของแวดวงสนุกสนาน เขาผ่านการทำงานเบื้องหน้าเบื้องหลังกับละครโด่งดังทางช่อง 3 หลายเรื่อง ดังเช่นว่า รักจังเอย และก็เคยประกบดาราชื่อดัง อย่าง หมาก ปริญ, แต้ว ณฐพร แล้วก็ เต๋อ ฉันทวิชช์ เพื่อสอนคิวบู๊แบบตัวต่อตัว

การทำงานในส่วนนี้ช่วยทำให้ผู้รู้ มีรายได้เลี้ยงครอบครัวราวเดือนละ 1 แสนบาท ถ้าเกิดเทียบกับค่าแรงงานของคนสามัญในสังคมไทยปัจจุบัน อาชีพของปราชญ์ ก็ดูเหมือนจะได้ค่าแรงที่สูงมากมาย แต่ว่าบางคราว ชีวิตมนุษย์ไม่ได้หล่อเลี้ยงด้วยเงินเพียงอย่างเดียว สำหรับปราชญ์ ไม่มีสิ่งใดที่จะเข้ามาตอบแทนความรักในกีฬาต่อสู้ได้ ตลอด 5 ปีที่เขารับงานสายสตันท์แมน ปราชญ์ก็เลยเดินหน้าขึ้นชกต่อสู้หลากหลายต้นแบบ ไม่ว่าจะเป็น มวยสากล, ยิวยิตสู หรือเอ็มเอ็มเอ เพื่อเพิ่มไฟให้กับชีวิตของเขา

หากดูคือเรื่องของเงิน ผมก็จะพูดว่า งานสตันท์แมน ไปถึงเป้าหมายมากยิ่งกว่า เนื่องจากมันเป็นงานที่มีตลอด ส่วนงานต่อย นานหนจะมี ซึ่งถามคำถามว่ามันต่อยแล้วดำรงชีวิตได้ไหม ผมก็ตอบได้เลยว่า ไม่ได้ แม้กระนั้นผมไม่ได้อยากรู้สึกเหมือนคนสมัยเก่า ที่บอกตนเองว่า พวกเราแก่แล้ว เลิกชกมวยเถิด มันถึงจุดสูงสุดแล้ว เป็นถ้าหากคิดอย่างนี้ มีความหมายว่าแพชชั่นในชีวิตมันหายไป

สำหรับผม แพชชั่นที่ตรงนี้มันยังอยู่ อาจเกิดขึ้นจากดำเนินงานเป็นคุณครูสอนกีฬาด้วย ผมเลยจำเป็นต้องแสดงให้คนรุ่นใหม่มองว่า ขนาดผมอายุเท่านี้แล้ว ผมยังฟิต ผมยังสู้นะ ผมยังเดินตามความฝันของตนเองอยู่ ตั้งแต่แมื่อเริ่มดำเนินการสตันท์แมน เมื่อ 5 ปีกลาย ปราชญ์ยังคงขึ้นชกต่อสู้ แล้วก็สั่งสมประสบการณ์ต่อสู้จากหลายเวที ไม่ว่าจะเป็น บราซิลเลียนยิวยิตสูชิงชนะเลิศเมืองไทย, การประลองวันซินคัพ หรือเอ็มเอ็มเอชิงชนะเลิศโลกสมัครเล่น โดยรายการบราซิลเลียนยิวยิตสู ปราชญ์นับว่าเป็นแชมป์เมืองไทย 2 สมัยซ้อน

ภายหลังปราบยอดความสามารถในประเทศไทยมาพอควร สุดท้าย ปราชญ์ได้เซ็นสัญญากับวันแชมป์เปี้ยนชิป หน่วยงานศิลปะการต่อสู้ระดับแถวหน้า เพื่อลงแข่งขันในรายการเอ็มเอ็มเอในชื่อ “ซูเปอร์เบสต์” ซึ่งเจ้าตัวได้เปิดฉากไฟต์แรก กับ โบรแกน สตอร์ตอิง นักสู้คนออสเตรเลีย เมื่อส.ค.ก่อนหน้าที่ผ่านมา

นักชกที่โด่งดัง ผมแข่งขันเอ็มเอ็มเอมาตลอด ซึ่งผมก็ได้แชมป์มาได้หลายรายการ จนถึงผมรู้สึกว่า ไม่เหลือผู้ใดในไทยที่ท้าความสามารถของผมแล้ว ผมก็เลยยื่นโปรไฟล์ไปที่วัน แล้วเขาก็ตอบรับมา” ปราชญ์เล่าถึงจุดเริ่มที่ได้ลงแข่งขันในวันแชมป์เปี้ยนชิป 10อันดับ