ชีวิตนักมวย อีกหนึ่งยอดมวยไทยที่ไป โด่งดังไกลถึงต่างแดน เจ้าของแชมป์ไลออนไฟต์สองรุ่น

ชีวิตนักมวย อย่างที่ทราบโดยทั่วกันว่า อเมริกาเป็นอีกหนึ่งประเทศใหญ่ที่ได้รับผลพวงจากวิกฤติวัววิด-19 ขั้นร้ายแรงด้วยยอดผู้ติดเชื้อและก็เสียชีวิตปริมาณเป็นอันมาก โชคดีที่ โจ ซึ่งอาศัยอยู่ตรงนั้นมากว่า 7 ปี ดูแลตนเองอย่างดีเยี่ยม สามารถจัดการกับมันเพื่อรอคอยวันคืนสู่สังเวียนอีกรอบ

ชีวิตนักมวย

ทุกๆวันของ “สโมกกิน โจ” เขาใช้เวลาไปอย่างคุ้มกับงานที่ทำในเวลาว่างต่างๆที่บ่งถึงความง่ายๆในแบบอย่างของตนเอง เริ่มจากการตื่นยามเช้า ออกวิ่งเสมอๆวันละ 5-6 กม. รอบๆสวนสาธารณะแถวบ้าน

“ผู้คนตรงนี้ (รัฐจอร์เจีย) มีความรับผิดชอบต่อส่วนกลางดีขอรับ ถ้าหากมองเห็นคนใดกันวิ่งมาในระยะที่เริ่มจะใกล้กัน ต่างคนก็ต่างหลบเพื่อรักษาระยะห่างด้านสังคมเอาไว้เสมอ ทุกคนยังคงใช้ชีวิตกันตามธรรมดา เพียงบริษัทร้านค้าปิดกระทำการลงชั่วคราวแค่นั้น” โจ ชี้แจงถึงสภาพแวดล้อมในเมืองที่เขาอาศัยอยู่ในปัจจุบัน มวยไทย7สี

ต่อจากนั้นในช่วงสายๆของวัน โจ จะใช้เวลาอยู่กับแปลงผักสวนครัว โดยเขาไม่ต้องไปหาซื้อผักที่ใด แค่เพียงเดินไปด้านข้างบ้าน เด็ดผักจากในสวน แล้วกลับปรุงอาหาร ลงมือทำสลัดทานเองกล้วยๆรายการอาหารปกติ แม้กระนั้นเต็มไปด้วยค่าทางโภชนาการ ซึ่งโดยมากผักที่เขาปลูก ก็จะมีทั้งยัง ผักบุ้ง ผักขม แล้วก็พริก

ไปสู่ตอนบ่ายมีสิ่งหนึ่งที่ โจ ทำทุกเมื่อเชื่อวันไม่เคยขาด โน่นเป็นการอ่านหนังสือออนไลน์วันละ 2 ชั่วโมง เพราะว่าภาษาอังกฤษ เป็นสิ่งสำคัญ โดยเฉพาะกับผู้ที่จะต้องสู้ชีวิตไกลบ้านเกิดเมืองนอนแบบเขา

“ตั้งแต่ผมย้ายมาอยู่ที่อเมริกาเมื่อประมาณ 7 ปีที่แล้ว ผมไม่มีความรู้ภาษาอังกฤษประจำตัวเลย ทุกๆอย่างนับหนึ่งใหม่หมด ผมบอกกับตนเองว่าจำเป็นต้องอ่านหนังสือทุกเมื่อเชื่อวัน ประกอบกับความมีโชคเมื่อผมย้ายเข้ามาอยู่เมืองจอร์เจีย ที่นี่จะมีศูนย์การเรียนรู้ประจำเมืองที่ให้โอกาสให้ทุกคนสามารถเรียนภาษาอังกฤษได้ฟรีๆผมไปเรียนทุกอาทิตย์ อาทิตย์ละประมาณ 2 – 3 ครั้ง”

เมื่อเสร็จจากการอ่านหนังสือ บางเวลา โจ ก็เลือกปั่นจักรยานดูเมืองไปเรื่อยหรือเดินเที่ยวในหมู่บ้าน ถ้าเกิดไม่ได้อยากออกไปไหน ดนตรี ก็จะเป็นกิจกรรมที่ผ่อนคลายความเบื่อหน่ายได้ดีทีเดียว

“ผมพอเพียงจะร้องและเล่นกีตาร์ได้บ้างครับ วงโปรดผมเป็น Linkin Park ก็จะถูกใจเอาเพลงวงนี้มาร้องเล่นอยู่เป็นประจำ”

ชีวิตนักมวย เพียงพอถึงเวลาเย็นย่ำ โจ ก็จะกลับไปสู่โหมดการฝึกซ้อมบริหารร่างกายอีกที ทั้งยัง วิดพื้น เล่นเวท เล่นกล้ามท้อง และก็ฝึกหัดสเต็ปฟุตเวิร์คเบาๆรอบๆสนามหน้าบ้าน เพื่อรักษาความฟิตของร่ายกายเอาไว้ให้พร้อมสำหรับศึกต่อไปของตนเอง

นอกจากนั้น ยังโชคดีที่ โจ มียิมเป็นของตนเอง แม้ว่าจะไม่มีผู้ใดมาช่วยล้อเป้า แต่ว่าอย่างน้อยเขาก็ยังสามารถลับคมอาวุธใส่กระสอบทรายไปได้พลางๆก่อน เวลาในทุกวันของยอดความสามารถคนประเทศไทยผู้นี้ ผ่านไปอย่างมีความหมายแล้วก็มีคุณค่าต่อตัวเองเสมอ

ชีวิตนักมวย

โจ ณัฐวุฒิ อาจจะมิได้เป็นไปได้มากมายพอๆกับคนใดกันอีกผู้คนจำนวนมากบนโลกนี้ แม้กระนั้นทุกช่องทางที่ผ่านเข้ามาในชีวิต เขาไม่เคยพลาดที่จะคว้าเอาไว้ด้วยความพร้อมรวมทั้งเตรียมอย่างดีเยี่ยม ตั้งแต่เป็นเพียงแค่มวยแทนขัดตาทัพ สร้างชื่อจนกระทั่งแปลงเป็นมวยยอดความสามารถ สร้างร่างกายจนถึงสามารถสร้างยิมฝึกการสอนศิลป์การต่อสู้ราคา 7 หลักบาทไทยด้วยตัวผู้เดียว ด้วยจุดเริ่มแรกจากศูนย์ ด้วยความง่ายๆ แต่ทว่าสวยงามในการดำเนินชีวิต

ย้อนไปไปเมื่อยุค หนุ่มไทยเชื้อสาย บุตรหลานคุณย่าโมเรียนอยู่ชั้นม. ปลาย เขาโลดแล่นชกมวยอยู่ ตามเวทีทหารแล้วก็รายการถ่ายทอดสด หากแม้ชำนาญแต่กลับล้มเหลว รายได้น้อยเกินไปประทังชีวิต ก็เลยตกลงใจหันหลังให้แวดวงมวย และก็ย้ายไปอยู่เกาะพงัน-เกาะสมุย สปิริตนักสู้

“ยุคผมอยู่เกาะ ผมทำงานทุกสิ่งทุกอย่างในห้องอาหารและก็เซอร์วิสอพาร์ทเม้นท์ ในขณะนั้นคิดว่าดำเนินงานอันอื่นได้เงินเยอะแยะกว่าชกมวย แม้กระนั้นผมก็ยังชกมวยบ้างก็เพื่อหารายได้เพียงแค่นั้น แต่ว่าในใจผมหมดไฟกับการชกมวยแล้วจริงๆ”

เมื่อมีคนชักชวนไปอยู่อเมริกา โจ บอกว่าไม่มีแผนอะไรที่อยู่ในหัว ทราบแต่เพียงว่าไปตายเอากระบี่หน้า ภาษาอังกฤษก็ได้เพียงแค่นิดหน่อยเงินติดตัวก็มีไม่มากมาย หากแม้ในช่วงเวลานั้นเขาจะรู้จัก “นายทัพ เดชคำภู” สมัยก่อนนักมวยไทยโด่งดังที่ไปขุดทองคำเป็นเจ้าของค่ายฝึกมวยอยู่ที่เมืองแอตแลนตา แม้กระนั้นเจ้าตัวกลับไม่สนใจ

หลังจากนั้นชีวิตในอเมริกาเริ่มขึ้นในเดือนมีนาคม 2556 ที่เมืองโคโลราโด เมื่อ โจ ได้งานในรีสอร์ทแห่งหนึ่ง ซึ่งตั้งอยู่บนเขา จะมีนักท่องเที่ยวมาเฉพาะตอนหิมะตก เขาดำเนินงานทุกสิ่งทุกอย่าง ตั้งแต่คนเตรียมพร้อมของในห้องครัว ล้างถ้วยชาม จนกระทั่งบุคลากรชำระล้าง

“ที่โรงแรมมีห้องอาหาร ครั้งคราวผมก็ดำเนินงานสองกะ รุ่งอรุณชำระล้าง เวลาเย็นทำห้องอาหาร งานหนักแม้กระนั้นเงินน้อย ตอนซัมเมอร์ไร้คนมาท่องเที่ยว ผมก็รู้สึกเบื่อๆก็เลยคิดย้ายไปอยู่เมืองอื่น ผมเลยโทรศัพท์หาพี่ขุนศึกซึ่งอยู่แอตแลนตา มึงบอกให้มาทดลองดูก่อน ถูกใจก็อยู่ ถ้าหากอยู่ไม่ได้ก็ค่อยย้ายไป”

จากรัฐโคโลราโดสู่แอตแลนตาใน เดือนตุลาคมปีเดียวกัน ใกล้แวดวงหมัดมวยอีกที ด้วยการเป็นผู้ฝึกสอน สอนฟิตเนสมวยไทย การบริหารร่างกายเล่นเวทให้กับผู้มาเรียน

“ขณะนั้น ผมไม่ได้รู้สึกว่าจะชกมวย แต่ว่าไปเป็นผู้ฝึกสอนส่วนตัวให้กับเด็กนักเรียน บังเอิญครั้งหนึ่งรายการไลออนไฟต์ซึ่งเป็นรายการใหญ่มากในอเมริกาตอนนั้น เขาอยากได้นักมวยเพราะมวยขาด ก็เลยติดต่อมาทางพี่นายทัพ ผมขึ้นชกไฟต์แรกนั้นเมื่อปี 2014 โดยรู้สึกตัวล่วงหน้าเพียงแค่สิบวัน พบกับนักมวยชาวบราซิลชื่อ คอสโม อเล็กซานเดร ซึ่งเขามีชื่อเสียง แล้วก็ผมชนะเขาได้”

“ต่อจากนั้นไฟต์ลำดับที่สอง ผมรู้สึกตัวล่วงหน้าเพียงแค่ 1 วันและจำต้องลดหุ่นอีก 10 ปอนด์ ซึ่งมันกะทันหันมาก เอาจริงเอาจังๆเวลาเหลือไม่ถึง 24 ชั่วโมง เพราะว่าผมจะต้องเดินทางไปต่อยที่คอนเนตทิคัต เบ็ดเสร็จเหลือเวลา 10 ชั่วโมงกว่าๆในการทำน้ำหนัก ตอนนั้นผมขึ้นชกกับ ฌอน คาร์นีย์ (ส.สุมาลี) ชาวแคนาดา เป็นคู่เอกของรายการซึ่งมีคนดูทั้งยังอเมริกา และก็ผมก็ชนะได้อีกครั้ง”

ข้างหลังผ่านการต่อย ครั้งลำดับที่สอง ชีวิตของ แปรไปอย่างแจ่มแจ้ง จนกระทั่งเมื่อได้ได้โอกาสขึ้นชิงชนะเลิศ ของรายการไลออนไฟต์ในรุ่น 154 ปอนด์ และก็ทำเป็นเสร็จ ผงาดขึ้นแท่นแชมป์อย่างสมศักดิ์ศรี และก็ยังสามารถป้องกันตำแหน่งได้อย่างต่อเนื่องถึง 6 ครั้ง ควบแชมป์เส้นลำดับที่สองของรายการในรุ่น 160 ปอนด์ ซึ่งเป็นการครองแชมป์ สองรุ่นในเวลาเดียวกัน