ความจริงหลังคันชั่ง อาจจะเป็นผลให้คนทั่วโลกประหลาดใจ หากแม้ถ้าหากย้อนกลับไปเวลานั้น

ความจริงหลังคันชั่ง ชัยของเม็ดเงิน ที่เหนือตำนานชาวประเทศฟิลิปปินส์ ไม่ได้เกินความคาดหวังขนาดนั้น เนื่องด้วยในปี 1999 ปาเกียวยังไม่ใช่ปาเกียว ที่ดังแบบทุกวันนี้ ส่วนผลงานแล้วก็ชื่อชั้นของเม็ดเงิน นั้นถือว่าใกล้เคียงกับปาเกียว อย่างกับที่เราได้กล่าวไป

แต่ว่าความสงสัยที่ถูกพูดถึงจริงๆเกิดเรื่องราวบนเครื่องชั่ง ว่าทำไมนักต่อยระดับแชมป์โลกที่สภาพร่างกายฟิตเปรี๊ยะด้วยวัย 21 ปี ถึงไม่สามารถกดน้ำหนักตัวเองลงตามพิกัด 112 ปอนด์ของรุ่นฟลายเวตได้? เคยเขียนตั้งความคิดเห็นเกี่ยวกับสถานะการณ์ที่เกิดขึ้นเอาไว้ว่า

“ผมสงสัยว่ามันเป็นไปได้จริงหรือที่ปาเกียว จะประมาท จวบจนกระทั่งไม่อาจจะทำน้ำหนักได้ตามพิกัดที่กำหนด แม้ว่าในขณะนั้นเขาก็ยังเด็กมากไม่น้อยเลยทีเดียว และอาจจะทำผิดพลาดนี้จริงๆเนื่องจากความรับผิดชอบต่ออาชีพของตัวเองที่ยังไม่มากพอ” ท่าทางยังดี

เห็นได้ชัดว่า ความคิดเห็นข้างต้นสื่อถึงเรื่องจริงที่อาจเป็นไปได้สองทาง อย่างแรกเป็น ปาเกียว ในวัยหนุ่มน้อยประมาทแล้วก็ทำน้ำหนักพลาดเอง อย่างลำดับที่สองเป็น เกิดอะไรไม่น่าไว้วางใจขึ้น เพราะว่าอย่างที่ทราบว่า ไฟต์นี้เกิดขึ้นในประเทศไทยซึ่งเป็นบ้านของผู้ท้าชิง ก็เลยไม่ใช่เรื่องแปลกที่จะมีแนวความคิดคบคิดเกิดขึ้นได้

ความจริงหลังคันชั่ง

ความจริงหลังคันชั่ง คนที่จะตอบความจริงที่เกิดขึ้นได้ดีที่สุด บางทีอาจหนีไม่พ้นแมนนี่ปาเกียว เอง

ซึ่งเขาเคยเอ๋ยถึงเบื้องหลังการเสียแชมป์โอกาสนี้กับช่องโทรทัศน์ในประเทศประเทศฟิลิปปินส์ว่า เป็นความผิดพลาดของเขาเองในหัวข้อแนวทางการทำน้ำหนัก ไม่ได้เกี่ยวกับฝ่ายจัดการแข่งขันหรือผู้ท้าชิงชาวไทยอะไร

“ขณะนั้นผมน้ำหนักมากเกินไป ผมไม่สามารถทำน้ำหนักตามพิกัดได้ และพวกเขาก็เอาเข็มขัดไปจากผม” ปาเกียว ให้สัมภาษณ์กับ แอนโทนี ตาเบอร์นา พิธีกรมีชื่อเสียงชาวประเทศฟิลิปปินส์ “ร่างกายของผมไม่สามารถที่จะฟื้นฟูได้อย่างยิ่ง ผมก็เลยบอกกับตัวเองว่า ผมจะก้าวสู่รุ่นน้ำหนักที่สูงขึ้นไป แล้วก็หันหลังให้กับรุ่นฟลายเวต ผมคิดกับตัวเองเสมอว่า เราจะชนะไฟต์นี้ไปเพราะเหตุใด?”

คำบอกเล่าของปาเกียว สอดคล้องกับสิ่งที่เกิดขึ้นจริงแล้ว เพราะเหตุว่าการต่อยกับเม็ดเงิน เป็นไฟต์ในที่สุดของเขาในรุ่นฟลายเวต ก่อนจะก้าวสู่รุ่นซูเปอร์แบนตั้มเวต (หรือ จูเนียร์เฟเธอร์เวต) 122 ปอนด์ แล้วก็ก้าวไปได้แชมป์ ดับเบิ้ลยูบีซี อินเตอร์เนชั่นนอล มวยไทย7สี

จากชัยเหนือ เรย์นันเต้ เจมิลิ ในไฟต์ถัดมา ซึ่งเป็นก้าวแรกของการเดินทางสู่ประเทศอเมริกาในเวลาต่อมา ทางฝั่งของ เม็ดเงินสังสุราชนั้น ตอนหลังเอาชนะปาเกียว ได้สำเร็จ เขาปกป้องแชมป์โลกดับเบิ้ลยูบีซี รุ่นฟลายเวตได้ 1 สมัย ก่อนเสียแชมป์ให้แก่ มัลคอม ทูญาเกา นักต่อยจากประเทศฟิลิปปินส์

หลังจากนั้นเม็ดเงิน ก็เลยก้าวสู่รุ่นซูเปอร์ฟลายเวต 115 ปอนด์ และได้แชมป์ทวีปเอเชียจากชมรม เอบีซี มาครองได้สำเร็จ แถมยังคว้าชัยชนะอีก 37 ครั้ง นับจากที่ชนะปาเกียว แต่ไม่มีตอนไหนที่พาเขากลับไปสู่การชิงแชมป์โลกอีกเลย

แม้ทางของ ปาเกียว และเม็ดเงิน วันหลังไฟต์ที่จังหวัดนครศรีธรรมราช จะดำเนินไปคนละทิศละทาง แต่เราไม่สามารถพูดได้เลยว่า “เม็ดเงินชนะเหตุเพราะปาเกียว ไม่เอาจริง” หรือ “เม็ดเงินชนะ เนื่องจากว่าปาเกียว สู้แบบหมดแรงดลบันดาล”

เพราะสุดท้ายแล้ว นักสู้ทุกคนย่อมใส่เกินร้อยบนสังเวียน รวมถึงชัยชนะก็เป็นของนักมวยจากเมืองไทย ชัยของเม็ดเงินสังสุราช เหนือแมนนี่ปาเกียว

ความจริงหลังคันชั่ง

วางมือหรือเปล่า? โปรโมเตอร์เอ็มพี เผยอนาคต “ปาเกียว” ด้านหลังลงชิง ผู้นำประเทศฟิลิปปินส์

กลายเป็นสาระสำคัญที่แฟนมวยพอใจอย่างฉับพลันเมื่อ “เดอะ แพ็คแมน” แมนนี่ปาเกียวยอดนักต่อยชาวประเทศฟิลิปปินส์ ตกลงปลงใจออกมาประกาศว่าเขาจะสมัครแย่งเก้าอี้หัวหน้าในบ้านเกิด สำหรับการลงคะแนนปี 2022 ภายใต้ พรรคลาบัน ที่เจ้าตัวขึ้นตรงต่อในเวลานี้

โดยเรื่องนี้ทำให้สื่อ และก็หลายข้างมีความคิดเห็นว่า หมัดจอมเก๋าวัย 42 ปี อาจจะตกลงปลงใจวางมือหันหลังให้กับสังเวียนหมัดเป็นการถาวรเลย ด้านหลังสภาพร่างกายของเจ้าตัวถือว่าไม่อย่างเคย ไม่ว่าจะเป็นพลังหมัด

แล้วหลังจากนั้นก็ ความเร็ว ยิ่งกับถ้อยคำที่เจ้าตัวออกมากล่าวรายงานในครั้งนี้ด้วยแล้ว “ผมเป็นนักสู้ และผมจะเป็นนักสู้ทั้งยังในและนอกสังเวียน เราอยากได้รัฐบาลสำหรับเพื่อการให้บริการพลเมืองของเราด้วยความสุจริต ความเห็นอกเห็นใจ รวมทั้งความโปร่งสบายใส ซึ่งแน่นอนผมจะทุ่มเทปฏิบัติการเป็นอย่างมากในครั้งนี้” อดีตสมัยแชมป์โลก 8 รุ่น กล่าว

แต่ ฌอน กิบบอนส์ โปรโมเตอร์ใหญ่ที่ เอ็มพี โปรโมชั่น (ขึ้นกับ ของแมนนี่ปาเกียว ) ได้ออกมาถกเถียงถึงกระแสการห้อยนวมของ ยอดมวยในสังกัดว่า “มันเป็นเพียงข่าวลือ จนกระทั่งคุณจะได้แลเห็นมันผ่านทวิตเตอร์ หรือ อินสตาแกรม ว่าเขาประกาศวางมือจริง ๆ เดี๋ยวนี้มันเป็นเพียงแต่การคาดการณ์เท่านั้นเอง”

ขณะเดียวกันนี้ โปรโมเตอร์ใหญ่คนดังยังยกตัวอย่างให้ลงความเห็นว่าก่อนหน้านี้ที่ผ่านมาแมนนี่ปาเกียว ก็เคยหลบหัวจากวงการไปยาวนานกว่า 7 เดือน ด้านหลังเป็นข้างเอาชนะ ทีโมธี แบรดลี่ย์ เมื่อปี 2016 เพื่อไปทุ่มเทให้กับงานการเมืองสำหรับในการสมัครวุฒิสภา

ก่อนจะอีก 7 เดือนต่อมาจะกลับมาขึ้นสังเวียนเอาชนะ เจสซี่ วาร์กัส หมัดชาวประเทศสหรัฐอเมริกา มาแล้ว สำหรับแมนนี่ปาเกียว เป็นเจ้าของแชมป์โลก 8 รุ่น คนแรกของโลก มีสถิติชนะ 62 แพ้ 8 เสมอ 2 ครั้ง และก็ติดโผนักกีฬาที่ทำเงินได้มากที่สุดที่ทศวรรษ 2010 (ในตอนระหว่างปี 2010-2019) โกยไปได้มากถึง 435 ล้านเหรียญสหรัฐฯ (ราว 13,106 ล้านบาท) ติดอันดับที่ 8 สำหรับการจัดอันดับของ ฟอร์บส์ นิตยสารทางการเงินมีชื่อของสหรัฐอเมริกา

ซึ่งนอกจากหน้าที่ในฐานะนักกีฬาอาชีพแล้ว เจ้าตัวยังมีตําแหน่งหน้าที่เป็นถึงวุฒิสมาชิกในบ้านเกิด และก็ถือว่าเป็นขวัญใจคนยากในประเทศประเทศฟิลิปปินส์ โดยพยายามแก้ไขปัญหาในเรื่องของคุณภาพชีวิต โดยเฉพาะในคิบาเว่ บ้านเกิดของเจ้าตัวที่ถือได้ว่าเป็นแหล่งชุมชนที่ประสบพบปัญหาความยากลำบากเป็นอย่างมาก

https://www.fudoshinkan.org